เมนู

สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ภูมินทราธิบดีมีพระราชโองการตรัสว่า ภนฺเต นาคเสน ข้าแต่พระ
นาคเสนผู้ปรีชาญาณ จะโทษเอาแผ่นดินจะพาลเอาแผ่นดินอย่างไรได้ โทษที่บุรุษนั้นใจเร็วเร่ง
ไปด่วนวิ่งไป จึงสิ้นกำลังล้าลง เป็นง่อยเปลี้ยเพลียไป
พระนาคเสนจึงถวายพระพรว่า ความข้อนี้ฉันใดก็ดี มหาราช ดูรานะบพิตรพระราชสม
ภาร พระบรมครูอดอาหารเสวยพระอาหารน้อย จึงถอยกำลังไป พาให้เป็นโทษเหมือนบุรุษผู้
เดินทางฉะนั้น
อนึ่งเล่า มหาราช ขอถวายพระพรบพิตรพระราชสมภาร ปานดุจบุรุษผู้หนึ่งนุ่งผ้าสาฎก
เศร้าหมองมลทินติดอยู่ บุรุษผู้นั้นหาซักอุทกังไม่ ผ้านั้นก็เศร้าหมองนัก จะไปโทษเอาอุทกังว่า
อุทกังกระทำให้ผ้าเศร้าหมองไปหรือกระไร นะบพิตรพระราชสมภาร
สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ภูมินทราธิบดีมีพระราชโองการตรัสว่า ภนฺเต นาคเสน ข้าแต่พระ
นาคเสนผู้ปรีชาญาณ บุรุษชายนั้นเป็นพาลเกียจคร้านชั่วนักหนา ผ้านุ่งเศร้าหมองเป็นมลทินก็
หาซักให้สิ้นราคีไม่ จะโทษอุทกังกระไรเล่า
พระนาคเสนจึงมีเถรวาจารว่า มหราช ขอถวายพระพร ที่พระโพธิสัตว์เจ้าไม่เสวย
พระอาหาร จะโทษเอามหาปธานทางปฏิบัติกระไรได้ เป็นโทษที่ไม่เสวยอาหารให้เป็นปรกติ
เหมือนบุรุษมีผ้าเศร้าหมองมลทินไม่ซักน้ำนั้น ขอถวายพระพร
ฝ่ายว่าสมเด็จพระเจ้ามิลินท์ภูมินทราธิบดี ก็มีน้ำพระทัยชื่นบานหรรษาสิ้นสุดพระวิมัติ
กังขา ซ้องสาธุการแก่พระนาคเสนวิสุทธิสงฆ์องค์อรหันต์ ก็มีในกาลนั้น
ปฏิปทาโทสปัญหา คำรบ 1 จบเพียงนี้

นิปปปัญจปัญหา ที่ 2


สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ภูมินทราธิบดีมีพระราชโองการตรัสถามปัญหาสืบไปเล่าว่า ภนฺเต
นาคเสน
ข้าแต่พระนาคเสนผู้ปรีชาญาณ เอตํ วจนํ อันว่าคำอันนี้ สมเด็จพระพิชิตมารโมลีเจ้า
มีพระพุทธเจ้าฎีกาตรัสพระสัทธรรมเทศนาไว้ดังนี้ว่า ภิกฺขเว ดูกรภิกษุทั้งหลายผู้เห็นภัยในวัฏ-
สงสาร ตุมฺเห อันว่าท่านทั้งหลายทั้งปวง นิปฺปปญฺจรติโน จงมีนิปปปัญจธรรมและกำหนัดยินดี
ในนิปปปัญจธรรมนั้นอยู่ให้สำราญ นี่แหละสมเด็จพระโลกนาถศาสดาจารย์ตรัสว่า นิปปปัญจ-
ธรรม โยมไม่เข้าใจว่า นิปปปัญจธรรมนั้นอย่างไร